จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

อุตุฯเตือนฝนหนัก 10 จว. กทม.80%พื้นที่

           วันที่ 7 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือน ฉ.28 ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากต่อไปอีก 1 วัน อนึ่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป 80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qazRNVEF5TUE9PQ==&subcatid=

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ชาม’แจงเลิกทำพิธีกร‘สีสันบันเทิง’

          งานเปิดตัวละครเรื่อง “สายฟ้ากับสมหวัง” ที่ชั้นจี ห้างเอสพลานาด รัชดา นักแสดงสาว ‘ชาม โอสถานนท์’ ชี้แจงถึงกรณีข่าวเรื่องที่ไม่ได้ทำพิธีกรายการ “สีสันบันเทิง” แล้วเพราะมาเล่นละครกับค่ายเอ็กแซ็กท์ โดย ‘ชาม’ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ได้ทำพิธีกรรายการสีสันบันเทิงแล้ว ถามว่าเพราะมาเล่นละครเอ็กแซ็กท์หรือเปล่า เรื่องนี้ตนไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาดีใจที่ทางช่อง3 ให้เป็นพิธีกรบันเทิงมา 3 ปีแล้ว ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าแบบนี้เหมือนทางผู้ใหญ่ตัดออกจากรายการหรือเปล่า นักแสดงสาวตอบเลี่ยงๆ ว่า เอาเป็นว่าที่ผ่านมาตนดีใจกับโอกาสที่ได้รับกับทางช่อง3 และตอนนี้มีโปรเจคต์ใหม่กับทางเอ็กแซ็กท์กับละครเรื่อง ‘สายฟ้ากับสมหวัง’ ก็อยากให้ทุกคนได้ดูละครเรื่องนี้ ต่อข้อซักถามที่ว่าเสียใจหรือเปล่าที่ถูกปลดออกจากการเป็นพิธีกรรายการ นักแสดงสาวตอบ ตนไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่ดีกับชีวิต และขอบคุณช่อง 3 กับทุกอย่างที่ผ่านมา ส่วนต่อไปนี้จะมีงานต่อๆ ไปกับทางเอ็กแซ็กท์หรือเปล่านั้น ตนก็อยากมีนะแต่มไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า และตอนนนี้ให้ผู้ใหญ่ทางเอ็กแซ็กท์คอยดูแลงานให้
          ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าในฐานะที่เคยผ่านการทำงานมาหลายช่องความแตกต่างของแต่ละที่เป็นอย่างไรบ้าง “ความเหมือนคือความเอาใจใส่คะ เขาพยายามเอาใจใส่และทำผลงานให้ออกมาดีที่สุดในแบบฉบับของเขา ทางเอ็กแซ็กท์เองก็ดูแลทุกรายละเอียดว่าบทเล่นถึงหรือเปล่า ไปจนถึงความแฮปปี้ของนักแสดงด้วย ส่วนการทำงานของช่อง 3 และช่อง 7 จริงๆ ก็พูดยากนะเพราะชามอยู่ช่อง7 กับช่อง 3 ชามเล่นกับของอาตู่(นพพล โกมารชุน) อย่างเดียว ไม่เคยเจอเจ้าอื่นเลย มาที่เอ็กแซ็กท์ก็เหมือนเปิดประสบการณ์ใหม่ขึ้น ซึ่งทางอาตู่ก็อยากให้ชามไปเติบโตหลายๆ ที่เหมือนกัน พอมีโอกาสมาค่ายใหม่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ส่วนการกลับไปร่วมงานกับอาตู่อีก ถ้าอาตู่ให้โอกาสก็ยินดีค่ะ” สาว ‘ชาม’ กล่าวทิ้งท้าย



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qWTNOVEV5TkE9PQ==&subcatid=

เวิร์คพอยท์ฯกวาด5รางวัล“พิฆเนศวร”

          เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องรัชนีแจ่มจรัส 4 ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส สันนิบาตแห่งประเทศไทย มีงานประกาศผลรางวัลพิฆเนศวร ซึ่งจัดโดย สมัชชานักจัดรายการข่าว วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งบริษัท เวิร์คพอยท์ฯ กวาดไป 5 รางวัล ซึ่งบิ๊กบอส คุณปัญญา นิรันดร์กุล นำทีมพิธีกรรายการและทีมงานเข้าร่วมรับรางวัล
         ซึ่งรางวัลที่ได้รับคือ รางวัลส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมดีเด่น ได้แก่ รายการคุณพระช่วย,รางวัลส่งเสริมศิลปดนตรีดีเด่น ได้แก่ รายการชิงช้าสวรรค์, รางวัลส่งเสริมเพื่อการศึกษาดีเด่น ได้แก่รายการวิทยสัประยุทธ์, รางวัลส่งเสริมธุรกิจและ อุตสาหกรรมดีเด่น ได้แก่ รายการ SME ตีแตก และรางวัลพิธีกรผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น คุณปัญญา นิรันดร์กุล จากรายการชิงร้อย ชิงล้าน Sunshine Day




ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qYzBPRE15TVE9PQ==&subcatid=

รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงของ พลิกคว่ำที่แพร่ คนขับดับ

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 17:01 น.
          เมื่อ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.ท.บุญเสริม สุริยา พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถทัวร์เสียหลักลื่นพลิกคว่ำอยู่บนกลางถนนสายอุตรดิตถ์-เด่นชัย จ.แพร่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 137-138 หมู่ 4 ต.ห้วยไร่ จ.แพร่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังจากได้รับแจ้งแล้วจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยไทรย้อย โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย เดินทางไปที่เกิดเหตุ พบรถ บขส.กรุงเทพ-เชียงของ ยี่ห้อวอลโว่ ทะเบียน 15-3008 กรุงเทพมหานคร จึงได้รีบนำคนเจ็บทั้งหมด 7 คนส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย
          จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าว ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 20.00 น. มีนายมหรรนพ กองขุนทด อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 72/2 หมู่ 21 ต.คลองลานพัฒนา อำเภอคลองลาน กำแพงเพชร เป็นคนขับรถจะไปส่งผู้โดยสารจำนวน 30 คน ไปยังอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 04.30 น. ขณะนั้นฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งเป็นทางโค้งลงเขาพลึง หมู่ 4 บ้านห้วยไร่ จ.แพร่ ซึ่งขณะนั้นมีฝนตกหนัก รถวิ่งส่ายไปมา โดยด้านซ้ายเป็นเหวลึก คนขับได้ตัดสินใจหักพวงมาลัยชนกับแผงซีเมนต์กลางถนน จนรถพลิกคว่ำ และคนขับถูกแรงเหวี่ยงของรถจนกระเด็นออกหน้าต่าง ตกอยู่กลางถนน หน่วยกู้ชีพได้นำคนขับส่งโรงพยาบาลพร้อมคนเจ็บอีก 6 คนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่คนขับทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด




ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qYzFNekE1TVE9PQ==&subcatid=

รวบเอเย่นต์ยาเสพติดเครือข่ายคุกบางขวาง

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 16:40 น.
          วันที่ 4 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.3 พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง พ.ต.ท.สุรเดช แถวศรีสุวรรณ์ สว.สส.สน.ลาดกระบัง แถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายอภิชาติ หรือติ๊บ เส็งทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/28 หมู่ 8 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี และนางมยุรี หรือฮูก เพ็ชรนิล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 ซอยอ่อนนุช 49 แขวงและเขตสวนหลวง พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด และยาไอซ์ 10 กิโลกรัม จับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 201หมู่ 5 หมู่บ้านรุ่งกิจวิลล่า 9 แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง
          พ.ต.ท.สุรเดช เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่เครือข่ายเรือนจำบางขวาง ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเพื่อรอกระจ่ายไปจำหน่ายในพื้นที่อื่น จึงนำกำลังลงพื้นที่เป้าหมาย กระทั่งเวลา 23.00 น.พบผู้ต้องหาลงจากรถแท็กซี่สีเขียว หมายเลขทะเบียน ทศ 2640 กรุงเทพมหานคร พร้อมกับหิ้วถุงขยะสีดำมาด้วย ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจค้น พบยาไอซ์ 10 กก. จากการสอบสวนขยายผลยังทราบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านเลขที่ 201อีก 4 หมื่นเม็ด จึงเข้าตรวจค้นและยึดของกลางทั้งหมดเอาไว้ สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า รับยาเสพติดล็อตดังกล่าวมาจากตลาดไท เพื่อเตรียมส่งไปยังภาคใต้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครอง ก่อนส่งตัวให้บช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป







กรมศุลกากรลุยสถานีรถไฟหาดใหญ่-จับเหล้าหนีภาษี

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 16:18 น.
          วันที่ 4 ก.ย. นายนิมิตร แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปรามทางทะเล กรมศุลกากร สืบทราบว่า ขบวนการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีจากชายแดนไทย-มาเลเซีย นำสินค้าไปซุกซ่อนไว้ในตู้โบกี้รถไฟ ภายในสถานีรถไฟหาดใหญ่ เตรียมนำส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ กทม.และ จ.นครปฐม จึงนำกำลังเข้าตรวจยึดสุราและไวน์หนีภาษี 78 ลัง มูลค่ากว่า 5 แสนบาท และไพ่อีก 1,300 สำรับ มูลค่า 1.3 แสนบาท ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตู้โบกี้สินค้า 2 ตู้



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qYzFNRFExTkE9PQ==&subcatid=

"เพื่อไทย" จี้ธาริตกระชากหน้ากากนักการเมืองเอี่ยวทุจริต จัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 15:20 น.
          เวลา 13.30 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายประแสง มงคลศิริ อดีตที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ฐานะคณะทำงานสำนักงานปราบโกงของพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ออกมาแถลงถึงโครงการการฮั้วประมูลในการจัดซื้อครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา โดยมีหลักฐานปรากฏชัดว่ามีการสมยอมราคาเกิดขึ้น และมีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ มาให้ข้อมูลกับดีเอสไอว่าถูกฝ่ายการเมืองบีบว่า ตนอยากเรียกร้องให้นายธาริตเจาะลึกข้อมูลลงไปเพื่อกระชากหน้ากาก และเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าฝ่ายการเมืองที่บีบข้าราชการจนเกิดการทุจริตนั้นคือใคร ขอให้ดีเอสไอสาวให้ถึงต้นตอของผู้บงการด้วย ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าโครงการฮั้วประมูลนี้ ไม่เพียงแต่ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ยังต้องมีนักการเมืองรวมทั้งพ่อค้าและนักธุรกิจ ร่วมมือกันโกงแบบไตรภาคี เกาะกินงบประมาณของเด็ก ดังนั้นขอเรียกร้องข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ให้ปากคำกับดีเอสไอ ได้ออกมาเปิดเผยตัวนักการเมืองที่ท่านบอกว่าถูกบีบด้วยว่าเป็นใคร
          นายประแสง กล่าวว่า ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตงบประมาณ จำนวน 122.5 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการอนุมัติและเบิกจ่ายในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลรักษาการ ว่ามีการเบิกจ่ายงบดังกล่าวผิดไปจากระเบียบของกรมบัญชีกลาง เนื่องจากในการอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณนั้น จะต้องมีการแนบเอกสาร เช่น สัญญาว่าจ้าง สเปคหรือรายละเอียดของสินค้า หรือใบจดทะเบียนของบริษัทที่ร่วมประมูล เป็นต้น แต่ปรากฏว่าเอกสารการประกวดราคาของงบประมาณจำนวนนี้หายไป ซึ่งตามระเบียบของกรมบัญชีกลางนั้น ต้องมีการตรวจสอบจนแน่ใจว่าเอกสารที่หายไปไม่ได้เกิดจากการทุจริต ซึ่งในกรณีนี้กรมบัญชีกลางไม่ได้มีการพิสูจน์ทราบว่าเอกสารหายไปเพราะเหตุใด จนสุดท้ายก็มีการตรวจรับงานและเบิกจ่ายงบประมาณจำนวนดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.54 โดยการแนบใบแจ้งความบันทึกประจำวันของ สน.ดุสิตแทน โดยระบุว่าเอกสารการประกวดราคาหายไปซึ่งไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ ดีเอสไอมาขอเอกสารการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดว่าความชัดเจนในการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอีกอย่างแน่นอน





ศาลฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ‘เสี่ยโอฬาร’ เจ้าของไร่ส้มเชียงรายค้ายา

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 14:01 น. 
          ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางอรนุช หรือ ติ๋ม ธีราทรง อายุ 51 ปี นางสาววราภรณ์ ธีราทรง อายุ 33 ปี และ นายเอนก สุดิรัตน์ อายุ 51 ปี หรือ เสี่ยโอฬาร เจ้าของสวนส้มในจังหวัด เชียงราย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในฐานความผิดพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ เมทแอมเฟทตามีน หรือยาบ้า เพื่อจำหน่าย
          โดยอัยการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์ รวม 79 รายการ มูลค่านับ 100 ล้านบาท ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามของผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534
จากกรณี เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปี 2547นางอรนุช กับพวกได้ร่วมกัน ครอบครองยาบ้า กว่า 1,350,000 เม็ด เพื่อจำหน่ายโดยคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่ให้ขัง นางอรนุช กับ นางสาววราภรณ์ ไว้ระหว่างรอฎีกา
           โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องนางอรนุชและนางสาววราภรณ์ จำเลยที่ 1-2 ส่วนนายโอฬาร จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพเหลือจำคุกตลอดชีวิตต่อมาศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมและปรึกษาหารือแล้วพิพากษายืนคงจำคุกนายโอฬาร จำเลยที่ 3 ตลอดชีวิต ส่วนนางอรนุชและนางสาววราภรณ์ พิพากษายืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้น
           ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้นายโอฬาร จำเลยที่3 ฟังแล้วเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่เรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี โดยในวันนี้ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟัง แต่เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้จึงงดการอ่านคำพิพากษา เพราะถือว่าโจทก์ได้รับทราบแล้ว ศาลฎีกามีคำพิพากษาเห็นว่าไม่รับคำวินิจฉัยฎีกาจำเลยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qYzBNRGt4Tnc9PQ==&subcatid=

ครม.ตั้ง‘พงศพัศ’นั่งเลขาฯป.ป.ส. ‘วิบูลย์’ขึ้นปลัดมท. ‘ไชยยันต์’ปลัดไอซีที

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 13:39 น. ข่าวสดออนไลน์
          วันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ซึ่งมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมีวาระที่น่าสนใจ ได้แก่ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงต่างๆ ล่าสุดที่ประชุมครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ดังนี้ 1.นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ดำรงตำแหน่งปลัด 2.นายประภาส บุญยินดี ดำรงตำแหน่งรองปลัด 2.ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัด ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.55 เป็นต้นไป
          นอกจากนี้ ครม.มีมติรับโอนนายภาณุ อุทัยรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และรับโอนนายมณฑล สุดประเสริฐ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.55
          รวมทั้งเห็นชอบแต่งตั้งให้นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ ด้านกระทรวงยุติธรรม แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นั่งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พร้อมโยกย้าย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qY3pPVGN5TUE9PQ==&subcatid=

รองนายกฯร่อนหนังสือเชิญ‘มาร์ค’ร่วมถกไฟใต้ 7 ก.ย.

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 13:06 น. ข่าวสดออนไลน์

          วันที่ 4 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ถึงการที่ฝ่ายค้านตอบรับให้ในการเสนอแนวทางแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนจะทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธปัตย์ และส.ส. 4-5 จังหวัดภาคใต้ เพื่อเชิญร่วมประชุม ในวันที่ 7 ก.ย. เวลา 13.30 น. ที่ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนจะมาหรือไม่ตนไม่ทราบ




ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qY3pPRGd5TVE9PQ==&subcatid=

‘ณัฐวุฒิ’ปัดหนีม็อบสวนยางบุกทำเนียบฯ บินเจรจาตปท.เชื่อราคาขยับ

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 12:29 น.
          เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีที่มีเกษตรกรชาวสวนยางพาราจากทั่วประเทศมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้แล้วและได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการรับเรื่องจากกลุ่มเกษตรกร ทั้งนี้ ที่จริงแล้วรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหานี้มาตลอดทั้งการใช้มาตรการทั้งในประเทศและกลไกระหว่างประเทศ โดยตนเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการหารือกับนายบายู กฤษณามูร์ติ รมช.การค้าของอินโดนีเซียมีความเห็นตรงกันว่าตอนนี้เป็นภาวการณ์ที่โลกของยางพาราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคายางพารา และเกิดเช่นนี้เหมือนกันทุกประเทศ นอกจากการที่ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียที่เห็นตรงกันว่าต้องจับมือกันอย่างเข้มแข็ง รวมถึงต้องเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพแล้ว ก็ยังจะมีการหารือกับประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศผลิตยางพาราเป็นอันดับ 4 เพื่อเชิญมาร่วมกลไกความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพของราคายางพาราและกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันในอนาคต
          รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ทั้ง 4 ประเทศนี้ที่เป็นกลุ่มผู้ผลิต จะประสานงานกับรัฐบาลจีนเพื่อพูดคุยกันถึงว่ายุทธศาสตร์ของกลุ่มประเทศผู้ผลิต ปริมาณผลผลิตที่คาดการณ์ในอนาคต และยุทธศาสตร์ของจีนในฐานะผู้บริโภคยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อให้สอดรับและประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมครม.ในวันนี้(4 ก.ย.) ตนจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือกับรัฐมนตรีของมาเลเซียที่รับผิดชอบเรื่องยางพารา ซึ่งจะเป็นการกระชับความร่วมมือและเดินหน้ามาตรการลดการส่งออกยางพารา อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหานี้ต้องใช้เวลา และตนเชื่อว่าเกษตรกรเข้าใจสถานการณ์นี้ แต่การออกมาชุมนุมกันเป็นการทำเพื่อส่งเสียงของความเดือดร้อนและเร่งรัดให้รัฐบาลแก้ปัญหา ซึ่งเราเดินหน้าตลอดเวลาอยู่แล้ว
          เมื่อถามว่าอีกนานแค่ไหนที่การแก้ปัญหาจะได้ผล เพราะเกษตรกรออกมาส่งเสียงความเดือดร้อนนานหลายเดือนแล้ว นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ในภาพรวมยังไม่ปรากฏปัจจัยบวกที่ชัดเจน แต่จากการพูดคุยกับอินโดนีเซียและการประชุมสภามนตรีไตรภาคียางพารา เราคาดหวังว่าภายใต้มาตรการจับมือร่วมกันของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย น่าจะทำให้ราคายางพาราขยับสูงขึ้นและรักษาเสถียรภาพไว้ได้ ซึ่งประเมินกันว่าในสัปดาห์นี้ ถ้าราคาตลอดทั้งสัปดาห์ชี้ไปในทางที่เป็นบวก แสดงว่ามาตรการนี้ส่งผลในตลาดโลกแล้ว แต่ถ้ามาตรการนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ราคายางพาราได้ ก็ต้องกำหนดมาตรการอื่นๆหรือเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น เช่น การเพิ่มปริมาณลดการส่งออกยางพารา เป็นต้น
          ต่อข้อถามว่าจะออกไปพบปะกับเกษตรกรที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางไปมาเลเซียหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ประสานงานดูแลอยู่แล้ว ซึ่งการชุมนุมของเกษตรกรตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับจังหวัดไปถึงระดับส่วนกลาง ซึ่งรัฐบาลพยายามแบ่งเบาปัญหาและลดความเดือดร้อนของเกษตรกร พร้อมกับแก้ปัญหาในระยะยาวด้วย เมื่อถามย้ำว่าการไม่ออกไปพบกลุ่มเกษตรกรด้วยตัวเอง จะถูกมองว่าหนีม็อบหรือหนีปัญหาหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเดินหน้าเข้าหาปัญหาอยู่ตลอด พูดเรื่องนี้ทุกวัน รวมถึงทำมาตรการทั้งในและต่างประเทศ ส่วนการจะกล่าวหาว่าตนหนีม็อบนั้น ตนเกรงว่าจะเป็นข้อกล่าวหาของบางคนมากกว่า ทั้งนี้ตนคิดว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ และสิ่งที่รัฐบาลทำนั้นได้ปรากฏชัดเจนเป็นรูปธรรม และต้องติดตามดูผลกันต่อไป



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qY3pOVEF5Tnc9PQ==&subcatid=