จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข้าวไทยเดี้ยงเสียตำแหน่งผู้นำตลาด อินเดีย-เวียดนามแย่งลูกค้า แค่ครึ่งปียอดหายกว่า 45%

       น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 ไทยส่งออกข้าวรวม 3.45 ล้านตัน ปริมาณการส่งออกลดลงทุกตลาดรวมกัน 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งขัน ส่วนมูลค่าส่งออกรวม 71,438 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีมูลค่ารวมกว่า 107,644 ล้านบาท คิดเป็น 34% หากคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 35% สำหรับตลาดส่งออกสำคัญคือ แอฟริกาใต้ 55% รองลงมาคือ อาเซียน 14% และตะวันออกกลาง 12%
       ส่วนสถานการณ์ตลาดข้าวโลก ผู้ส่งออกรายใหญ่ 5 รายจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า อินเดียส่งออกมากกว่าไทยเล็กน้อยโดยส่งออกได้ 3.61 ล้านตัน และเวียดนามส่งออกข้าวได้ 3.52 ล้านตัน แนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 3.05 ล้านตัน มูลค่ารวมประมาณ 50,000 ล้านบาท รวมแล้วตลอดปี 2555 ไทยจะส่งออกข้าวได้รวม 6.5 ล้านตัน ปริมาณส่งออกลดลง 39% มูลค่ารวม 120,000 ล้านบาท จากที่ปี 2554 ส่งออกข้าวรวม 10.65 ล้านตัน ไทยจึงกลายเป็นผู้ส่งออกตกลงมาเป็นอันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนาม ที่คาดว่าจะส่งออกได้มากถึง 8 และ?7 ล้านตัน ตามลำดับ ส่วนปี 2556 คาดว่า ไทยจะส่งออกข้าวได้รวม 8 ล้านตัน
       ปัจจัยลบต่อตลาดส่งออกข้าวไทย ได้แก่ สต๊อกข้าวของอินเดียมีมากเพียงพอต่อการส่งออกได้ทั้งปี ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง ความต้องการข้าวจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ลดลงทำให้เวียดนามหันมาชิงตลาดข้าว โดยลดราคาเพื่อแข่งขันกับอินเดียฉุดให้ราคาตลาดโลกต่ำลงโดยเฉพาะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาราคาต่ำกว่าอินเดีย
       “วันนี้ไม่สำคัญว่า ไทยจะเป็นผู้ส่งออกเบอร์หนึ่งหรือไม่ ที่ห่วงคือ อุตสาหกรรมข้าวจะล่มสลายถึงกับหายนะหรือไม่ รัฐบาลควรจะมาหารือกับผู้ส่งออก และนำข้อเท็จจริงมาคุยกัน จะมาคาดหวังว่าเดี๋ยวสถานการณ์จะดีขึ้น เพราจะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่ได้ เพราะเอกชนไม่สามารถวางแผนการขายข้าวได้ หากผู้ส่งออกมีปัญหาส่งออกได้ลดลง อนาคตจะต้องลุกลามไปยังโรงสีข้าวและชาวนา”
       นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในส่วนของข้าวในสต๊อกของรัฐบาลซึ่งมีประมาณ 10 ล้านตัน หากจะระบายออกสู่ตลาดโลก ราคาขายจำเป็นต้องลดลงอยู่ในระดับที่แข่งขันกับเวียดนามได้ที่ตันละ 430-450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากที่ต้นทุนอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้รัฐบาลมีผลขาดทุนตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้รัฐบาลตั้งราคารับจำนำข้าวเปลือกสูงกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก เพื่อดึงราคาข้าวสารทั้งในประเทศและส่งออกให้สูงขึ้น แต่ขณะนี้ราคาภายในประเทศก็ยังไม่ได้สูงขึ้นตามต้องการเพราะไม่มีแรงหนุนซื้อในตลาด เนื่องจากการส่งออกที่ลดลง
       นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลโครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่ภาครัฐขาดทุนนั้นอยากให้มองในแง่ของการยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรเพื่อให้มีรายได้อย่าไปโฟกัสที่ตัวเลขส่งออกข้าวที่ลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหายุโรปทำให้หลายประเทศลดปริมาณการสั่งซื้อแต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้น


ที่มา:http://www.thairiceexporters.or.th/Local%20news/News_2012/news_260712-1.html

ปัจจัยที่มีผลกระทบกับราคาหุ้น

         ผู้ลงทุนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกับหุ้นอาจสงสัย และมีคำถามในใจว่า... “วันนี้หุ้นที่ถือไว้ ราคาจะเพิ่มขึ้นหรือจะลดลง”
“ราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงเกิดจากอะไร” หรือ “เราจะสามารถคาดการณ์หรือรู้ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น
ได้หรือไม่”
        การจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ ผู้ลงทุนต้องเข้าใจถึงปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาหุ้น หรือปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
ซึ่งแนวคิดที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนตอบคำถามดังกล่าวได้ และช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าใจถึงปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาหุ้น คือ
"การหามูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของหุ้นสามัญ"
       การหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเกิดจากความเชื่อที่ว่า... ผู้ลงทุนที่
ต้องการลงทุนในหุ้นวันนี้ ย่อมคาดหวังผลประโยชน์หรือผลตอบแทนที่
คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตจากการลงทุนในหุ้นดังกล่าว ดังนั้น ราคาหุ้นที่
ผู้ลงทุนยอมจ่ายในวันนี้ จึงเป็นราคาสำหรับสิ่งที่คาดหวังว่าจะได้รับในอนาคต นั่นเอง
       กล่าวคือ ราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป น่าจะเกิดจากการที่ผู้ลงทุน
คาดการณ์ว่า สิ่งที่ตนจะได้รับในอนาคต ทั้งในรูปของ “เงินปันผล” และ “ส่วนต่างราคาที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม” เช่น ถ้ามีผู้คาดการณ์ว่า
การลงทุนในหุ้น ABC จะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลมากขึ้น ก็จะทำให้บุคคลนั้นยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อหุ้น ABC ในราคาที่สูงขึ้น ราคาหุ้น ABC ก็จะปรับตัวสูงขึ้น
       ในทางกลับกัน ถ้าผู้ลงทุนคนหนึ่งคาดการณ์ว่าหากลงทุนในหุ้น ABC ณ ปัจจุบัน โดยถือไปอีก 2 – 3 เดือนแล้ว
ขายต่อ อาจจะได้ราคาขายต่อน้อยกว่าตอนที่ซื้อมา ผู้ลงทุนคนนั้นก็จะไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อหุ้น ABC ณ ราคาปัจจุบัน
แต่จะยอมจ่ายในราคาที่ต่ำกว่า เพื่อชดเชยกับความเสี่ยงที่คาดว่าตนอาจจะเผชิญในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้า ราคาหุ้น ABC ก็จะปรับตัวลดลง
       สรุปง่ายๆ ก็คือ... ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันจะถูกกำหนดมาจาก 2 ปัจจัยหลักๆ คือ

1. ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ ทั้งในรูปของเงินปันผลและส่วนต่างราคา
2. ความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะต้องเผชิญจากการลงทุนในหุ้น
โดยผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับและความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะต้องเผชิญจากการลงทุนในหุ้นเป็นตัวกำหนดมูลค่าที่
แท้จริงของหุ้น และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นจะส่งผลต่อราคาตลาดของหุ้น

คำถามต่อมาคือ... “แล้วอะไรเป็นปัจจัยกำหนดระดับของ
        เงินปันผล ราคาหุ้นที่คาดว่าจะขายได้ และความเสี่ยงจากการลงทุน” คำตอบก็คือ แนวโน้มผลกำไรในอนาคตของบริษัท ซึ่งเกิดจาก
ผลการดำเนินงานของบริษัท รูปแบบธุรกิจของบริษัท การก่อหนี้ของบริษัท รวมทั้งแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรม ภาวะเศรษฐกิจ และตลาดหุ้น

        ปัจจัยต่างๆ ที่กำหนดราคาหุ้นเหล่านี้ ล้วนเป็น “พื้นฐาน” สำคัญที่สามารถนำมาจัดกลุ่มเป็น 3 ปัจจัยใหญ่ๆ คือ ภาวะเศรษฐกิจ ภาวะอุตสาหกรรม และผลการดำเนินงานของบริษัท ดังนั้น หากคุณต้องการวิเคราะห์ปัจจัยที่กำหนดราคาหุ้น ก็ต้องวิเคราะห์ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ซึ่งเราเรียกการวิเคราะห์หลักทรัพย์ตามแนวคิดนี้ว่า “การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน” (Fundamental Analysis)
        ภาวะเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี ราคาหุ้นมักจะเพิ่มขึ้น เพราะผู้ลงทุนมองว่าโอกาสที่บริษัทจะขาดทุนในช่วงนี้มีน้อย จึงกล้าที่จะลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น กล่าวคือ ในช่วงที่เศรษฐกิจดี ประชาชนจะจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายและผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น
เมื่อบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น บริษัทก็จะสามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้มากขึ้น
ตามไปด้วย
       ในทางตรงกันข้าม ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ราคาหุ้นก็มักจะลดลง เพราะผู้ลงทุนมีความกังวลใน
ผลประกอบการของบริษัท กล่าวคือ ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อของประชาชนลดลง
ยอดขายของบริษัทจะลดลง กำไรของบริษัทก็จะลดลงหรืออาจจะขาดทุน ท้ายที่สุดผู้ลงทุนก็จะไม่ได้รับการจัดสรรกำไรจากบริษัท เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกถึงความเสี่ยงจากการลงทุน จึงมีการขายหุ้นออกมา เมื่อมีการขายหุ้นออกมาจำนวนมาก ก็จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในที่สุด
ภาวะอุตสาหกรรม ถ้าอุตสาหกรรมใดอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทในอุตสาหกรรมนั้นจะปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรม
       ในทางตรงกันข้าม ถ้าอุตสาหกรรมใดอยู่ในช่วงขาลง ราคาหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นก็จะมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ลงทุนกังวลถึงความเสี่ยงจึงขายหุ้นในอุตสาหกรรมดังกล่าว
ออกมา
        ผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ เป็นตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับผลการ ดำเนินงานของบริษัทนั้นโดยตรง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ กลยุทธ์ของบริษัท และความสามารถของผู้บริหาร กล่าวคือ ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมไม่ดี หากผู้บริหารของบริษัทมีความสามารถสูง ก็อาจจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทลดลงไม่มาก และราคาหุ้นก็จะปรับตัวลดลงไม่มาก


ที่มา:http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=1808&Itemid=1551

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ยูเอฟโอ โผล่เหนือพิธีเปิดโอลิมปิก ลอนดอน

         แม้ว่าพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ลอนดอน เกมส์ จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อค่ำคืนวันที่ 27 กรกฏาคมที่ผ่านมา แต่แล้วก็เกิดเป็นประเด็น เมื่อมีชาวเน็ตสามารถจับภาพ วัตถุประหลาด ที่ลอยช้าๆ อยู่เหนือสนามกีฬาโอลิมปิก ขณะที่กำลังมีพิธีเปิดอยู่เบื้องล่างคลิปดังกล่าวถูกโพสต์โดยผู้ใช้ชื่อStephenHannardADGUK โดยอ้างว่า สามารถบันทึกภาพวัตถุประหลาดเอาไว้ได้ ในช่วงท้ายของพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก กรุงลอนดอน ซึ่งมีการระดมจุดพลุไฟหลายชุด วัตถุประหลาดดังกล่าวมีลักษณะคล้ายจานบิน เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ เหนือสนามกีฬา
            อย่างไรก็ตาม วัตถุประหลาดดังกล่าว กลายเป็นข้อถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกอินเตอร์เน็ต บ้างเชื่อว่าเป็นภาพตัดต่อ หรือบ้างก็เชื่อว่าวัตถุดังกล่าวเป็น ยานบินไร้คนขับ ที่ลอยเฝ้าสังเกตการณ์ในมุมสูงเหนือสนามกีฬา
            ซึ่งภายหลังจากเกิดเป็นประเด็น เจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าว จึงได้นำภาพวิดีโอไปทดลองดูเปรียบเทียบกับเทคนิคภาพต่างๆ ทั้งภาพขาวดำหรือภาพเนกาทีฟ ซึ่งเจ้าของคลิปยังคงยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวไม่ใช่ยานบินสังเกตการณ์ อย่างแน่นอน


ที่มา:http://news.sanook.com/1133063/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B9%82%E0%B8%AD-%E0%B9%82%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%81-%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99/

นายกฯนำตักบาตรหลังช้าง45เชือกก่อนถกครม.สัญจร

            บรรยากาศเช้านี้ ที่อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ซึ่งใส่ชุดผ้าไหมโฮล ได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง จำนวน 45 เชือก โดยมีพระสงฆ์ 150 รูป รับการบิณฑบาต ซึ่งจะนั่งบนหลังช้างมารับบิณฑบาต 86 รูป อยู่ด้านล่าง 64 รูป เนื่องในเทศกาลวันเข้าพรรษา ซึ่งถือเป็นที่เดียวในโลกที่มีการตักบาตรบนหลังช้างของ จ.สุรินทร์ ทั้งนี้ มีข้าราชการและประชาชนเข้าร่วมทำบุญตักบาตรจำนวนมาก จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เพื่อเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป


ที่มา:http://news.sanook.com/1133152/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8745%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1.%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%A3/

คนฮือฮา! อภิสิทธิ์ ใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีปราศรัย

         นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สวมเสื้อสีแดง กล่าวบนเวทีประชาชนเดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง ว่า วันนี้ที่ใส่เสื้อสีแดง เพราะเป็นสีของทุกคนทั้งชาติ หากคนเสื้อแดง มีอุดมการณ์ อยากได้ความเป็นธรรม ต้องต่อต้านพระราชบัญญัติปรองดอง ที่จะล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั่นเท่ากับว่า แท้จริงแล้ว ทำเพื่อคนๆ เดียว ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยค้านการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ถูกปลุกระดม ช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมือง และไม่มีเหตุผลอะไรทั้งสิ้นที่จะไปนิรโทษกรรมให้กับคนโกงชาติบ้านเมือง โดยการต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างพรรค ระหว่างสี แต่มันคือการต่อสู้ของคนที่เชื่อในความถูกต้อง บนหลักนิติรัฐนิติธรรม
        อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรเร่งดำเนินการตามหน้าที่ แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนก่อน

ที่มา:http://news.sanook.com/1133133/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AE%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A2/

สื่อนอกเผย หลานสาวทักษิณ จ่อแต่งงานหนุ่มกัมพูชา ลูกคนสนิทฮุน เซน

         สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลานสาวแท้ๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับหนุ่มกัมพูชา ซึ่งเป็นบุตรชายของสมาชิกรัฐสภาชื่อดัง และเป็นคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน
        รายงานระบุว่า น.ส. ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และเป็นหลานสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมเข้าวิวาห์กับแฟนหนุ่มชาวกัมพูชา บุตรชายของนายเซียง นัม นักการเมืองระดับแถวหน้าของพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาจากจังหวัดเสียมเรียบ และคนสนิทของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
        อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวที่เป็นคนใกล้ชิดของครอบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกมาเปิดเผยว่า นายเซียง นัม เป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลสูงมากในกัมพูชา โดยนอกจากจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมเด็จฮุน เซนแล้ว ยังมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยเช่นกัน
       โดยคนในตระกูลวงศ์สวัสดิ์ และตระกูลชินวัตร มีกำหนดจะเข้าร่วมพิธีมงคลสมรสดังกล่าวในช่วงปีหน้า แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา หรือสถานที่จัดงานที่แน่ชัดแต่อย่างใด
       ทั้งนี้น.ส. ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชอร์รี่ เป็นลูกสาวคนสุดท้องของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2526 เป็นน้องสาวของ เชน ยศชนัน พี่ชายคนโต และ เชียร์ ชินณิชา พี่สาวคนกลาง ซึ่งที่ผ่านมา น.ส. ชยาภา เคยออกอัลบั้มในชื่อ "เชอรี่ ซีเครท ซี" (Secret ′C′) โดยการสนับสนุนของผู้เป็นแม่ พร้อมทั้งตระเวนออกคอนเสิร์ตร่วมกับนักร้องในค่ายแกรมมี่ทั่วประเทศ


ที่มา:http://news.sanook.com/1133075/%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93-%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%AE%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99/

อิสราเอลปัดที่ปรึกษาโอบามาเผยแผนโจมตีอิหร่าน

         เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลที่ขอสงวนนาม ปฏิเสธกับ สำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ข่าวของ ฮาอาเร็ตซ์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์เสรีนิยมของอิสราเอล ไม่เป็นความจริง จากการอ้างเจ้าหน้าที่อเมริกันว่า นายโธมัส โดนิลอน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโอบามา ได้เล่าแผนโจมตีอิหร่านให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนตันยาฮู ฟังระหว่างรับประทานมื้อค่ำเป็นการส่วนตัวฮาอาเร็ตซ์ ลงข่าวดังกล่าวในวันนี้ว่า การเล่าแผนนี้เป็นความพยายามครั้งสำคัญของเจ้าหน้าที่ระดับสูงอเมริกัน รวมถึง นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่พยายามโน้มน้าวอิสราเอล ไม่ให้เปิดฉากโจมตีอิหร่านเอง


ที่มา:http://news.sanook.com/1133155/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-/


วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก และกำแพงเพชร
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ที่มา:http://www.tmd.go.th/daily_forecast.php

หวยรัฐลดแจ๊คพ็อต 30 ล้าน เหลือ 5 ล้าน แก้สลากแพง

         พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไปพบปะตัวแทนจำหน่ายในส่วนภูมิภาคเขตภาคกลางและตะวันออก 9 จังหวัด ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมประมาณ 500 คน โดยตนมีความกังวลและห่วงใยถึงการระบาดของสลากปลอม ที่นำมาหลอกขอขึ้นเงินรางวัลเลขท้ายจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งพบและจับกุมแล้วกว่า 100 ฉบับ
        พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ กล่าวว่า สำนักงานสลากอยู่ระหว่างการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบสลาก เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและจะนำไปสู่การพัฒนารูปแบบสลาก เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ด้วย โดยจะเพิ่มภาษาอังกฤษลงไปในสาระสำคัญของสลาก และใส่รูปแบบป้องกันการปลอมแปลงสลากเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการทำสลากให้สวยงาม เพื่อเก็บเป็นของสะสมได้ เช่น รูปเทียนพรรษาหรือเทศกาลสงกรานต์
       "สำหรับแนวทางแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคานั้น จะพัฒนารูปแบบการออกรางวัลให้มีความเหมาะสม โดยกระจายรางวัลที่ 1 ออกเป็นหลายเลข และลดวงเงินรางวัลแจ๊กพ็อตลง เพื่อมากระจายเพิ่มตามจำนวนชุดของรางวัลที่ 1 เพิ่มขึ้น ป้องกันไม่ให้มีการรวมชุดเพื่อหวังรางวัลใหญ่ ซึ่งเป็นต้นทุนทำให้ขายสลากเกินราคา โดยสำนักงานสลากสามารถดำเนินการได้ทันที เพียงเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการสลากก่อน" พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์กล่าว
       พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ จะเปิดให้ตัวแทนจำหน่ายสั่งจองสลากล่วงหน้าได้ ตามความต้องการในแต่ละงวด เพื่อไม่ให้เกิดความต้องการที่มากและไปดันราคาสลากขึ้น แต่จะเปิดให้เฉพาะในช่วงฤดูกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งคนนิยมเสี่ยงโชคมาก ทำให้มีความต้องการซื้อสลากจำนวนมาก จึงอาจเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าผ่านตัวแทน เพื่อจะรู้ปริมาณความต้องการที่แท้จริงและบริหารจัดการกับจำนวนที่เพิ่มขึ้น โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโควตาเดิม เพราะเป็นการพิมพ์เพิ่มเติมจากปัจจุบันงวดละ 72 ล้านฉบับ
       "สิ่งที่จะดำเนินการนั้นจะไม่กระทบตัวแทนจำหน่ายที่เป็นผู้ค้าสลาก แต่จะกระทบพฤติกรรมผู้บริโภคเท่านั้น หากใช้แล้วจะประเมินผล 3-6 เดือน หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นและกระทบกับผู้ค้าโดยตรง คือการขายสลากผ่านระบบอัตโนมัติหรือหวยออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ได้ทำรายละเอียดและหลักการเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว โดย 6 เดือนจากนี้ยืนยันว่าจะไม่แตะโควตาของตัวแทนจำหน่าย จึงขอความร่วมมือกับผู้ค้าสลากด้วย เพราะหากประเมินแล้วไม่ได้ผลก็จะมีวิธีการรุนแรงขึ้น ส่วนศูนย์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังไม่มีนโยบายที่จะทำ" ผอ.กองสลากกล่าว
       ส่วนการถ่ายทอดสดการออกรางวัลทางทีวีนั้น พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับความเห็นชอบในหลักการแล้ว เหลือเพียงการเจรจากับสถานีโทรทัศน์ เพราะช่วงเวลาที่ตรงกับการออกรางวัลถูกล็อกเวลาให้รายการอื่นๆ หมดแล้ว ต้องรอให้มีการปรับผังใหม่ก่อน แต่จะเร่งดำเนินการโดยเร็ว และจะรื้อนโยบายการออกสลากสัญจรนำมาใช้ด้วย เพื่อลดข้อครหาการล็อกรางวัล และจะเชิญกรรมาธิการชุดต่างๆ มาร่วมเป็นกรรมการออกรางวัลด้วย หลังจากที่กรรมาธิการเชิญสำนักงานสลากไปชี้แจงถึงการออกรางวัลในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุที่มีเลขเบิ้ลติดต่อกันว่ามีการล็อกเลขหรือไม่
       แหล่งข่าวจากสำนักงานสลากกล่าวว่า แนวทางในการกระจายรางวัลนั้น จะคงอัตราเงินรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้ง 50 ล้านฉบับ ไว้ที่ฉบับละ 2 ล้านบาท เท่าเดิม แต่จะกระจายรางวัลแจ๊กพ็อตที่ปกติจะมี 1 ใบ ที่จะได้เงินรางวัลถึง 30 ล้านบาท โดยเปลี่ยนเป็นรางวัลละ 5 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สลากกินแบ่งรัฐบาลทุกๆ 10 ล้านฉบับ จะมีรางวัลแจ๊กพ็อต 1 ใบ ได้รางวัลใบละ 5 ล้านบาท
       "วิธีการดังกล่าวจะทำให้มีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊กพ็อตมากขึ้น แต่จำนวนเงินลดลงไม่มาก และยังช่วยแก้ปัญหารวมชุด โดยไม่กระทบผู้บริโภคมากนัก รวมถึงเป็นแนวทางที่จะดัดหลังเจ้ามือหวยใต้ดินได้ด้วยที่จะเล่นเลขท้าย 3 ตัวบนตามรางวัลที่ 1 ซึ่งปัจจุบันมีรางวัลที่ 1 ออกเพียงครั้งเดียวหรือมีเลขชุดเดียว แต่ต่อไปรางวัลที่ 1 จะออก 5 ครั้ง หรือมี 5 ชุด จึงขึ้นกับเจ้ามือว่าจะอ้างอิงจากเลขท้าย 3 ตัวบน จากรางวัลที่ 1 ตัวไหน" แหล่งข่าวกล่าวขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวมติชน

ที่มา:http://news.sanook.com/1132640/%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%84%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%95-30-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD-5-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87/

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เจ้าสัวธนินท์ หนุนรัฐบาล เปิดบ่อนกาสิโน ดูดเงินนักท่องเที่ยว

        นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวปฐากถาพิเศษในวาระครบรอบ 20 ปีการก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ในหัวข้อ”ยุทธศาสตร์ประเทศไทยรับมือเศรษฐกิจโลกใหม่ ว่าเพื่อเป็นการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านการเกษตรให้มากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาชลประทาน ที่ควรใช้ งบประมาณจากแผนการกู้เงินของรัฐบาล วงเงิน 2 ล้านล้านบาท เพราะเชื่อว่าภาคการเกษตรจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่การส่งออกภาคการเกษตรทั้งหมดมีมูลค่า 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขการส่งออกอันดับ 1 ของประเทศ และขณะที่ยุโรปกำลังเกิดวิกฤติ และทุกคนหันมายังประเทศในเอเชีย รัฐบาลน่าจะมีช่องทางหารายได้จากหลายทาง โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวที่รัฐบาลควรส่งเสริมให้เปิดบ่อนกาสิโน ในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งจะทำให้ไทยมีรายได้เข้ามาจำนวนมาก เพราะประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 19 ล้านคน มีรายได้ปีละ 7 แสนล้านบาท ซึ่งเห็นว่าทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่ม อาจมากกว่ามาเก๊า ที่แต่ละปีมีรายได้ประมาณ 8.7 แสนล้านบาท จากการเปิดบ่อน ซึ่งเป็นอันดับ 1 ของโลก
       นายธนินท์ยังกล่าวว่า ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะเปิดบ่อนกาสิโนเหมือนลาสเวกัส เหมือนมาเก๊า เพราะเมืองไทย การพนันใต้ดินเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งบอล ทั้งหวย แต่เราไม่ยอมรับความจริง เราจึงไม่ยอมให้เปิด เรื่องเล่นการพนัน คนไม่เล่นยังไงก็ไม่เล่น เหมือนผมที่ไปลาสเวกัส ไปดูว่าเขาเล่นกันยังไง แต่ก็ไม่เล่น แต่หากให้ลงทุนเป็นพันล้านบาทก็เอา
       อย่างไรก็ตาม จะมีเงื่อนไขบางประการ คือต้องคนมีรายได้เท่าไหร่ ค่าตั๋วเข้าไปเล่นก็ต้องสูง เพื่อป้องกันคนไม่มีเงินเข้าไปเล่น อย่ามองว่าเป็นการพนันอย่างเดียว เพราะเป็นเรื่องท่องเที่ยวด้วย หากทำได้ประเทศไทยจะมีรายได้มหาศาล ซึ่งถ้าจะทำก็ต้องไปดูตัวอย่างที่เขาประสบความสำเร็จเช่นฮ่องกง สิงคโปร์ ถ้าไทยเปิดได้ รายได้จะเป็น อันดับหนึ่งมากกว่ามาเก๊า และเมื่อเป็นเสรีอาเซียนเราก็ต้องคิดต่อไปว่า เราจะทำอะไรขายให้นักท่องเที่ยว โรงแรมเท่าไหร่จะพอ การจ้างงานเพิ่ม คนมีรายได้เพิ่ม เราควรเอาธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน เราไม่เสียอะไร เพราะเราก็ไม่เคยได้ ซึ่งเรื่องนี้ภาคสังคมก็ต้องเข้าใจ เพราะก็มีคนค้านอยู่


ที่มา:http://news.mthai.com/headline-news/180020.html

นาทีปะทะ โจรใต้ยิงถล่มทหารดับ 4 เจ็บ 2

          วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม ทหารกองร้อยทหารราบที่ 15321 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ระหว่างรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านขณะออกจับจ่ายซื้ออาหารเดือนรอมฎอนช่วงเช้า ทำให้ทหารเสียชีวิต 4 คือ ส.อ.ลือชัย จุลทอง , พลทหาร เอกรัฐ สีดองไม้ , พลทหาร ภาคิน หงษ์มาก , พลทหาร เบญจรงค์ ศรีแก้ว และ บาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.อ.ปรีดา นพคุณ , พลทหาร อาคม ชูกล่อม บนถนนสาย 406 ในเขตเทศบาลมายอ-บ้านดูวา หมู่ที่ 3 อ.มายอ จ.ปัตตานี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ
         โดยก่อนเกิดเหตุทหารชุดนี้ซึ่งมีจำนวน 6 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทาง และกำลังจะเดินทางกลับฐานปฏิบัติการที่โรงเรียนบ้านกาวะ ในหมู่บ้านลุโบะยิไร เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายมากกว่า 10 คน ใช้รถกระบะจำนวน 3 คัน ขับตามหลัง พร้อมกับกราดยิงใส่ และก่อนหลบหนีไป คนร้ายยังได้หยิบเอาปืนของเจ้าหน้าที่ไปจำนวน 4 กระบอกด้วย
         ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วย ฉก.25 เข้าควบคุมพื้นที่ รวมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัด นำกำลังเสริม ปิดล้อมพื้นที่ใกล้เคัยง โดยทหารที่บาดเจ็บได้มีการยิงต่อสู้กับคนร้าย และคาดว่าคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บ ซึ่งภารกิจของทหารชุดนี้ ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยครู ลาดตระเวรเส้นทางบริเวณนั้น รวมทั้งดูแลความปลอดภัยในตลาดนั้น

ที่มา:http://news.sanook.com/1132867/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0-%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-4-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A-2/

เฉลิม แจง ดวงย้ายมาเป็นตำรวจ ทำตามขั้นตอน บอกลูกชายยิงปืนแม่น

        จากกรณที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เซ็นคำสั่ง บช.น.ที่ 322/2555 เรื่องโอนข้าราชการ ถึงปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ตามที่หนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติการรับโอน ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ผู้บังคับหมวด กองร้อยสารวัตรทหาร สารวัตรยุทธบริการทหาร กระทรวงกลาโหม ไปรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น
         วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การเซ็นคำสั่ง โอนย้ายเป็นไปตามขั้นตอน และที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ามีการโอนย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจนับไม่ถ้วน รวมทั้งตนด้วย การที่ลูกชายตนโอนมาเป็นตำรวจเพราะยิงปืนแม่น ผบช.น.ก็เลยขอให้มาช่วย โดยขอให้มาเป็นครูฝึก ไม่มีตำแหน่งสำคัญอะไร แต่ตอนที่ทำเรื่องโอนย้ายลูกชายไม่ได้มาปรึกษาตน ถ้ามาปรึกษาก็จะห้าม เพราะไม่เห็นด้วย ชีวิตตำรวจไม่เหมือนทหาร ซึ่งหากเป็นตำรวจเมื่อต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล ร.ต.ท.ดวงได้ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แน่
        สำหรับฝ่ายค้านที่จะเอาเรื่องนี้มาโจมตีตน ก็ขอให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตนได้เลย


ที่มา:http://news.mthai.com/headline-news/179986.html

กรีซเผชิยวิกฤติรุนแรง

        กรีซ วอน "บิล คลินตัน" ช่วยเป็นตัวกลางเจรจากับ อีซีบีและไอเอ็มเอฟ ให้ทบทวนกฎเหล็กที่บังคับให้กรีซต้องรัดเข็มขัด เหตุกฎดังกล่าวทำให้ไม่มีงบประมาณมาใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ...
         สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลกรีซ ซึ่งได้เชิญ นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าพบ เพื่อขอให้ช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจาต่อรองกับธนาคารกลางของยุโรป (ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้ทบทวนกฎเหล็กที่บังคับให้กรีซต้องรัดเข็มขัดและตัดทอนรายจ่ายในงบประมาณลง เพราะวิกฤติหนี้ของกรีซได้ลุกลามกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่ใหญ่และรุนแร งพอๆ กับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่เรียกว่า The Great Depression ในปี 1930 ไปแล้ว
         ทั้งนี้ มาตรการรัดเข็มขัดตัดทอนรายจ่ายดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลกรีซไม่มีงบประมาณเพียงพอจะนำไปใช้จ่ายในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ และหากไม่สามารถกระตุ้นจีดีพีให้เติบโตได้ กรีซก็ไม่สามารถจะยืดอยู่ต่อไปพอจะชำระหนี้บรรดาประเทศเจ้าหนี้ทั้งหลายได้อย่างแน่นอน.


ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/eco/279484

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เปิดใช้รันเวย์สุวรรณภูมิ 870 เมตร ทอท.ยันไม่มีดีเลย์เครื่องบินขึ้นได้ทุกลำ ยกเว้น A380

          รันเวย์สุวรรณภูมิซ่อมเสร็จแล้ว 50% เริ่มเปิดใช้แล้วตั้งแต่ 11.00 น.วันนี้ (18 ก.ค.) เครื่องบินขึ้นได้ทุกลำ ยกเว้น A380 ส่วนที่เหลือเสร็จเร็วกว่ากำหนด 9 วันเปิดใช้งานเต็ม 100% ได้ใน 31 ก.ค.นี้ จากเดิม 9 ส.ค. “อนิรุทธิ์” ยันไม่มีดีเลย์อีกแล้วยกเว้นปัญหาสภาพอากาศ บวท.ปรับการบริหารจราจรกลับมาใช้รันเวย์ตะวันออกสำหรับขึ้นเป็นหลักเหมือนเดิม
         ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า การปรับปรุงทางวิ่งฝั่งตะวันออกด้านทิศเหนือ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในระยะที่ 1 ช่วงทางขับ B6-B3 ระยะทาง 870 เมตรเสร็จสิ้นและได้คืนพื้นที่เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่เวลา 11.00 น. ของวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ทำให้รันเวย์ฝั่งตะวันออกใช้งานได้เพิ่มเป็น 3,250 เมตร เครื่องบินทุกรุ่นสามารถทำการบินขึ้นได้ ยกเว้นเครื่องบิน A380 ซึ่งต้องใช้ทางวิ่งมากกว่า 3,000 เมตร ส่วนการปรับปรุงระยะที่ 2 ที่เหลืออีก 750 เมตร บริเวณทางขับเชื่อม B3 ถึงบริเวณหัวทางวิ่ง และการซ่อมแซมจะเสร็จเร็วกว่าก่อน 9 วัน จากกำหนดเดิมในวันที่ 9 สิงหาคมเป็นวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
           ทั้งนี้ การซ่อมแซมรันเวย์ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2555 มีเที่ยวบินล่าช้าเฉลี่ย 10-30 นาที กว่า 200 เที่ยวบินต่อวันจากทั้งหมด 800 เที่ยวบิน ซึ่งความล่าช้าไม่ได้มาจากการซ่อมรันเวย์อย่างเดียวแต่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศ, ปัญหาด้านเทคนิค, การบริการภาคพื้นมาเกี่ยวข้องด้วย โดยช่วงปกติขีดความสามารถของรันเวย์รองรับเที่ยวบินได้ประมาณ 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง แต่ช่วงปิดซ่อมฝั่งตะวันออก ระยะทาง 1,620 เมตรจะเหลือประมาณ 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้ทำการทดลองการบริหารจัดการจราจรทางอากาศเพื่อลดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ให้มากที่สุด
          “หลังจากนี้การดีเลย์จะลดลง และเมื่อคืนพื้นที่ 100% การขึ้นลงเครื่องบินจะเป็นปกติ มั่นใจว่าจะไม่มีเที่ยวบินดีเลย์ ส่วนการชดเชยให้กับสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากการซ่อมรันเวย์นั้น ในหลักการไม่มีเพราะเป็นเรื่องที่มีการแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้เตรียมความพร้อมแล้ว และขณะนี้ยังไม่มีสายการบินใดยื่นขอมา แต่หากยื่นมาก็สามารถเจรจากันได้” ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์กล่าว
          โดยยืนยันว่าการซ่อมแซมรันเวย์ฝั่งตะวันออกในครั้งนี้เป็นเรื่องปกติ โดยการออกแบบไว้รองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี แต่เนื่องจากรันเวย์ถูกใช้งานอย่างหนักมาตลอด 6 ปี มีเครื่องบินขึ้นลงกว่า 1.5 ล้านเที่ยวบิน และการให้บริการจะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
          นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) กล่าวว่า บพ.ได้ทำการตรวจสอบสภาพทางวิ่งฝั่งตะวันออกที่มีการปรับปรุงแล้วเสร็จระยะทาง 870 เมตร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม และช่วงเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ทั้งด้านกายภาพและความแข็งแรงของทางวิ่งซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและได้แจ้งไปยังสายการบินทั่วโลกให้รับทราบในการเปิดให้บริการรันเวย์ซึ่งเครื่องบินขนาดใหญ่พิสัยกลางสามารถบินขึ้นได้ โดยในช่วงดังกล่าวตั้งแต่เวลา 11.00-12.00 น. มีเครื่องบินทำการบินขึ้นแล้วประมาณ 20 ลำ
          นาวาอากาศตรี ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.กล่าวว่า จะมีการปรับการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ช่วงปรับปรุงรันเวย์ระยะที่ 2 โดยใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออก สำหรับให้เครื่องบินทุกประเภททำการขึ้นเป็นหลัก ยกเว้นเครื่องบิน A380 และในกรณีที่ต้องใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออกสำหรับการลงต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือสภาพอากาศดี เป็นช่วงกลางวัน และต้องลงแบบมองเห็นทางวิ่งด้วยสายตา ส่วนทางวิ่งฝั่งตะวันตก ใช้สำหรับให้เครื่องบินทุกประเภททำการลงเป็นหลัก ยกเว้น A380
          “ช่วงซ่อมรันเวย์ก่อนหน้านี้รันเวย์จะรองรับได้ 34 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกอาจเกิดจากการสื่อสารกับสายการบิน, นักบินไม่ทั่วถึง จึงมีการเชิญสายการบินมาหารือเพื่อแก้ปัญหาหลังจากนั้นการดีเลย์ลดลง ซึ่งต้องยอมรับว่าในบางชั่วโมงมีสายการบินเข้ามาถึง 45 เที่ยวบินซึ่งมากกว่าประมาณการ ทำให้เกิดการดีเลย์” นาวาอากาศตรี ประจักษ์ทิ้งท้าย

ที่มา:http://www.manager.co.th

ประชุมAECแบ่งงาน5กลุ่ม ถกครั้งหน้าลงรายละเอีย

            นายกฯประชุมสู่ประชาคมอาเซียน แบ่งงาน5กลุ่ม"กิตติรัตน์"บอกนัดถกบูรณาการข้ามกระทรวง สัปดาห์ที่3 เดือนส.ค.ลงรายละเอียด
             นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง แถลงภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมพร้อม เข้าสู่ประชาคมอาเซียน 2558 (AEC) ว่า ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้นมี 3 เรื่อง คือ 1.ด้านประชาคมเศรษฐกิจ 2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม และ3.ด้านประชาคมการเมืองและความมั่นคง สำหรับการหารือวันนี้(26ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์. ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ทุกกระทรวงนำเสนอการทำงานเพื่อการเตรียมความพร้อมในระดับกระทรวง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าในระดับของกระทรวงมีความพร้อมที่ดี และแต่ละกระทรวงก็ได้ข้อสังเกตที่ดีจากนายกฯและรัฐมนตรีอื่นๆที่แสดงความเห็นข้ามกระทรวง
             รองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับการทำงานในขั้นต่อไป คือการบูรณาการข้ามกระทรวง เช่น กลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจ 9กระทรวง จะต้องทำงานประสานกัน เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ ทั้งนี้ นายกฯได้ขอให้นำความคืบหน้าของแต่ละกระทรวงมาปรึกษาหารือข้ามกระทรวง โดยมีการแบ่งกลุ่มรับผิดชอบ และให้นำมาเสนออีกครั้งภายในสัปดาห์ที่ 3ของเดือนสิงหาคม และเมื่อทบทวนแล้วมีความพร้อมตามที่ตั้งเป้าไว้ก็จะทำงานบูรณาการกับภาคเอกชน จากนั้นภาคเอกชนและภาคประชาชนก็จะมีการประสานงานกันต่อไปเป็นขั้นตอน เพื่อให้ประชาชนมีความพร้อม
         สำหรับงานด้านการบูรณาการนั้นนายกฯได้มีการมอบหมาย โดยการแบ่งกลุ่มงานเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มแรกงานด้านประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่กระทรวงต่างๆที่อยู่ทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมด โดยตนมีหน้าที่ประสานงานกับองกรภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาธุรกิจการท่องเที่ยว 2.กลุ่มประชาคมด้านสังคมและวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะทำหน้าที่หลัก และ 3.ประชาคมด้านการเมืองและความมั่นคง กระทรวงต่างประเทศทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน ส่วนอีก 2 ด้าน คือ การแยกส่วนของงานการเชื่อมโยงทางโลจิสติกส์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับทั้ง3 ด้าน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับด้านที่ 5 คือด้านทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเตรียมคนให้มีความพร้อมในการทำงานทุกๆด้าน
            นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า อีกส่วนสำคัญที่นายกฯมอบหมาย คือการดูแลเชิงพื้นที่ ได้มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ดูแล ว่าหน่วยงานต่างๆ สามารถดูแลครอบคลุมได้ทุกพื้นที่หรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่แนวชายแดนเขตติดต่อกับประเทศสมาชิกอาเซียน และพื้นที่ที่ต้องติดต่อกับประเทศสมาชิกทางทะเลด้วย ดังนั้นในมิติทั้ง 5 ด้าน จะเป็นกรอบในการทำงานขั้นต่อไป
           ทั้งนี้ การประชุมในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคมนั้น จะมีการเสนอเป็นกลุ่มว่าแต่ละกลุ่มมีทิศทางในการทำงานเป็นอย่างไร โดยเป็นการลงในรายละเอียด ยอมรับว่าการเตรียมความพร้อมไปสู่ประชาคมอาเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย


ที่มา:http://www.bangkokbiznews.com

แนะนำสายพันธุ์ 3 สายพันธุ์ที่ฮิตที่สุกในตอนนี้ !!

                                                    เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ


โดยพันธุ์แรกที่แนะนำ คือ เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf) เจ้าขนปุยหนึ่งเดียวที่ ได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแหงวงการกระตายสวยงาม (Gem of the Fancy Rabbits) ซึ่งได้มีการนำเข้า สายพันธุ์คุณภาพระดับประกวดจากสหรัฐอเมริกามาในประเทศไทยเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2546 โดยสีที่นำเข้ามา คือ สีขาว ตาฟ้า, สีดำสร้อยทอง (Black Otter) และสีดำสร้อยเงิน (Black Silver Marten) ฃ

สุเทพ ประกาศเลิกเล่นการเมือง หากป.ป.ช.ชี้มูลผิด ปัดจงใจแทรกแซงข้าราชกา


 

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมยอมรับมติ ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดของตนเอง ตาม ม.261 (1) เรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 19 คน เข้าช่วยราชการในกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ ของข้าราชการประจำ
โดย ยืนยันว่าต้องเคารพกฎ กติกา และไม่ว่าสมาชิกวุฒิสภา จะมีมติอย่างไร ก็คงต้องปฏิบัติตามนั้น ทั้งนี้ ยืนยันว่า การจัดส่ง ส.ส.ไปช่วยงานของกระทรวงวัฒนธรรม ยังไม่ได้มีการดำเนินการ แต่เป็นการทำหนังสือถึงกระทรวงวัฒนธรรมให้พิจารณา แต่เมื่อตนเองเปิดกฎหมายดู พบว่ามีความหมิ่นเหม่ จึงถอนหนังสือกลับ แต่ ป.ป.ช. เห็นว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ก็ต้องยอมรับมติ ของ ป.ป.ช. ส่วนจะถูก ส.ว. มีมติถอดถอนและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี หรือไม่ ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ขณะนี้ จะยังคงทำหน้าที่ต่อ แต่ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะหากถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี จริง ขณะนี้ ตนเองอายุ 64 ปี แล้ว อีก 5 ปี ก็เท่ากับตนเองจะมีอายุ 69 ปี ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น ตนเองก็คงเลิกเล่นการเมืองและกลับไปเลี้ยงหลาน

ที่มา:http://www.thairath.co.th/

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"ฮอลแลนด์ลอป"กระต่ายพันธุ์ฮิต เลือกอย่างไรให้โดนใจ...แต่ไม่โดนหลอก!!



                                                    
                                                     ฮอลแลนด์ลอป

           กระต่ายที่ได้ชื่อว่าแสนรู้ที่สุด และเป็นที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทยในตอนนี้ คงต้องยกตำแหน่งให้กับเจ้าหูตก ฮอลแลนด์ ลอป (Holland lop) เพราะเป็นที่ทราบกันดีถึงลักษณะที่น่ารัก และโดดเด่น คือ มีหูตกอยู่ที่ข้างแก้ม ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากกระต่ายปกติที่เราคุ้นเคย แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าหูตกสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนเลี้ยงกระต่าย แต่เป็นเพราะว่า ฮอลแลนด์ ลอป เป็นกระต่ายที่มีความเชื่องมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง และเป็นกระต่ายมีหุ่นแข็งแรง บึกบึน สามารถจดจำชื่อของตัวเองได้ และยังรู้จักเจ้าของอีกด้วย 

           เรียกได้ว่าเป็นกระต่ายในดวงใจของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่กระต่ายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง จนมีการตั้งมอตโต้ของกระต่ายสาย พันธุ์นี้ ว่าเป็น ฮอลมาร์กบรีด (The Hallmark Breed) หรือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นตรา เครื่องหมายของกระต่ายเลยทีเดียว 

 

           
              นอกจากนี้ ฮอลแลนด์ลอป ยังจัดได้ว่าเป็นกระต่ายกลุ่มหูตกที่มีขนาดเล็กที่สุด และมีลักษณะเด่นที่หัวกลมโต ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา น้าหนักน้อย ลำตัวสั้ น หูสั้ น ไหล่กว้างหนา และมีความสูงสมดุลกั ทั้ งตัว ในเพศผู้จะมีขนาดลำตัวและหัวที่ใหญ่กว่าเพศเมีย ส่วนน้าหนักของตัวผู้ที่เหมาะสมเมื่อโตเต็มที่ คือ 1.6 กิโลกรัม ตัวเมีย 1.7 กิโลกรัม และนํ้าหนักมากที่สุดที่พบคือ 1.8 กิโลกรัม ส่วนชื่อเรียกของ กระต่ายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอปนั้น ในแต่ละประเทศจะเรียกแตกต่างกันไป เช่น ในประเทศอังกฤษ จะเรียก ฮอลแลนด์ลอป ว่า "มินิลอป" แต่เรียก มินิลอป ว่า "ดวอฟลอป"  ฮอลแลนด์ ลอป (Holland Lop)  มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลเลี้ยงดูค่อนข้างสูง  เพราะเป็นกระต่ายที่มีนิสัยสนุกสนานกับการกิน  และกินเก่งมาก ความสมบูรณ์ของสุขภาพทั้งพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์อาหารบำรุงต้องถึง  ต้องสมบูรณ์  จึงจะทำให้พ่อ
พันธุ์แม่พันธุ์สามารถให้ผลผลิตลูกออกมาได้อย่างมีคุณภาพ  ทั้งลักษณะขน และความสมบูรณ์ของรูปร่าง กล้ามเนื้อต่าง ๆ จึงทำให้ราคาขายกันทั่วไปในตลาดมีราคาค่อนข้างสูง  ราคาเกรดเลี้ยงทั่วไป จะเริ่มกันที่ประมาณ 2,500-3,500 บาทขึ้นไป  ในเกรดประกวด Show Quality จะเริ่มกันตั้งแต่ 6,000 บาท จนถึงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว  

อ้างอิงจาก:http://pet.kapook.com/view14350.html
                    http://www.baanlalapine.com/index.php?mo=3&art=450616

ยิ่งใหญ่เพราะใจถึง

กว่าจะยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบันนี้ต้องอดทนต่อความกดดันรอบด้าน ทั้งโดนดูถูกเหยียดหยามต่างๆนาๆ แต่ถ้าอดทนไว้ ขยัน แสวงหาความรู้ย่อมทำให้ประสบผลสำเร็จ

ที่มารูปภาพ : http://www.google.co.th/imgres?start=94&hl=th&sa=X&biw=1382&bih=708&tbm=isch&prmd=imvns&tbnid=Ut9LHkPkHk9FaM:&imgrefurl=http://support.tarad.com/help/2078&docid=tIIuLScsmsomSM&imgurl=http://support.tarad.com/help/wp-content/uploads/2011/01/2011-01-04_011413.jpg&w=519&h=373&ei=LZf_T8XUEtHJrAeFxYyZBg&zoom=1
หากพบสัญญาณดังกล่าวเตือนภัยถึงอันตรายในช่องปากมาแล้ว ควรพาน้องเหมียวไปพบสัตว์แพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยการรักษาจะทำการแก้ไขจากสาเหตุต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการช่องปากอักเสบตามมา เช่น การให้ยาลดอักเสบ การให้ยาปฏิชีวนะควบคู่ หรือในปัจจุบันมีการรักษาโดยการใช้สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพื่อเสริมให้อาการเหล่านั้นหายเร็วขึ้น
http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=3650505383298143491

ไปนมัสการนครพนม

สัญญาณอันตราย

          ในระยะแรกที่มีการอักเสบในช่องปากของเจ้าเหมียวนั้น เจ้าของสัตว์อาจยังไม่สังเกตเห็นอาการได้อย่างชัดเจน ในบางครั้งอาการเหล่านี้ก็สามารถหายไปเองได้ในน้องเหมียวที่มีอาการไม่รุนแรง แต่เจ้าของสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนภัย เพื่อให้น้องเหมียวแสนรักได้รับการรักษาได้อย่างทันท่งที ซึ่งอาการที่เจ้าของสามารถสังเกตได้ ได้แก่
http://pet.kapook.com/

ภาวะความเป็นผู้นำนะ นักบริหาร

      คำนิยาม นักบริหารมืออาชีพ
นักวิชาการได้ให้นิยามของคำว่านักบริหารมืออาชีพไว้ พอสรุปได้ดังนี้ 
1. นักบริหารมืออาชีพ คือ นักบริหารที่บริหารองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยพลังของภาวะผู้นำ (Leadership forces)
 จันทนา สุขุมานันท์ รองประธานของปูนซีเมนต์ไทย ได้กล่าวถึง (2 ตค2548 11.30 PM แมกไม้บริหาร UBC ) การบริหารจัดการในรูปแบบของนักบริหารจัดการองค์การ ทีต้องการให้องค์การนั้นต้องมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ต้องวางแนวความคิดในด้านการบริหารจัดการภายในองค์การรวมทั้งการมีภาวะผู้นำที่ดี
1) การสร้างความเชื่อมโยงแบบพันธมิตร  (Organizational Alliance = OA) ผู้บริหารจัดการต้องยึดหลักของการสร้างความเชื่อมโยงถ่ายทอดข่าวสารให้บุคลากรในระดับต่าง ๆ ร่วมรับรู้ข้อมูลที่เป็นขององค์การ  การจัดการระบบการรับรู้ข่าวสารข้อมูลนี้เพื่อประโยชน์ในด้านการมองภาพขององค์การให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สามารถตอบคำถามให้แก่ผู้อื่นได้ นอกจากนี้การสื่อสารที่ดียังมีผลทางด้านจิตวิทยาเพราะสามารถปลุกระดมให้ทุกคนมีความคิดไปในทิศทางเดียว การให้ข้อมูลข่าวสารเปรียบเสมือนกับการทำการตลาดภายในองค์กรนั้น ๆ ให้บุคลากรได้ทำความเข้าใจ กับแนวการบริหารงานขององค์การนั้น (Organizational design)
2) การนำสู่การเปลี่ยนแปลง (Leading Organization through Transformational Change = LOTC) ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงคือผู้ที่เข้าใจความต้องการขององค์การเพื่อตอบคำถามต่าง ๆ เช่น  ต้องการอะไร การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจาก  รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนด้วยกระบวนการต่าง ๆ  เพื่อให้ได้ความต้องการนั้น ๆ ให้เป็นจริง ให้หลักยุทธศาสตร์การสนทนา (Strategic conversation) เพื่อ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทีมงาน มีการเจรจาหาข้อตกลงในการดำเนินการเพื่อให้ไปถึงจุดหลายที่วางไว้ สร้างกระบวนการทำงานด้วยกัน สำหรับในด้านลูกค้าองค์การต้องเข้าใจจิตวิทยาการบริโภคสินค้าของกลุ่มเป้าหมายเพื่อแสวงหาความต้องการของลูกค้า ผู้นำต้องมองตลาดภายนอกได้ สร้างความแตกต่างเพื่อการแข่งขัน เพื่อการได้เปรียบ ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
3) ศึกษาสิ่งแวดล้อมที่เป็นทรัพยากรและเครื่องมือในการทำงาน (Resource and tools) การบริหารองค์การต้องศึกษาทรัพยากรที่มีอยู่ ที่เป็นเครื่องมือในการดำเนินการขององค์การ ทรัพยากรด้านเครื่องมือเป็นปัจจัยที่ทำให้รู้ว่าองค์การมีความพร้อมและมีศักยภาพในการทำกิจการประเภทใด และทรัพยากรที่มีอยู่นั้นมีการบำรุงรักษาให้คงสภาพการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4) ศึกษาศักยภาพขององค์กร (Organizational Competencies = OC) ว่ามีความสามารถหรือมีคุณภาพที่จะปฏิบัติงานได้ดี ต้องศึกษาว่าควรต้องเสริมส่วนที่เป็นช่องว่าง เช่น เพิ่มเติม หรือต้องฝึกอบรมทักษะใหม่ ๆ องค์กรขาดอะไร ต้องมีความรู้เพิ่มเติมในด้านใด ศักยภาพของบุคลากรต้องสมดุลกับทรัพยากรที่เป็นเครื่องมือปฏิบัติงานขององค์การด้วย องค์การต้องจัดให้มีการประเมินเพื่อการพัฒนา โดยมีการประเมินตนเอง เพื่อนประเมิน นายประเมิน ลูกน้องประเมิน (Personal Development Index = PDI)
5) สร้างแรงจูงใจ (Employee Motivation Performance = EMP) การสร้างความรู้สึกสนุกกับการทำงานให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุข รักองค์กร มีความกระตือรือร้นในการทำงาน ไม่ใช่มาทำงานเพื่อเงิน คนที่ทำงานเพื่อองค์กร จะพยายามพัฒนาตนเอง  ผู้บริหารในฐานะนำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน คือรู้ว่าต้องการอะไร และจะทำอย่างไรจึงจะสัมฤทธิผล สื่อสารให้ทุกคนรู้ ประเมินสภาพแวดล้อม รู้ศักยภาพขององค์กร กระตุ้นให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยการจูงใจ
2. นักบริหารมืออาชีพ คือ นักบริหารที่สร้างคุณค่าเพิ่ม (Value-added Managers = VM)

              ในการบริหารงานในปัจจุบันทุกองค์การใช้ประสิทธิภาพของตัวผลผลิตเป็นตัวแสดงผลสัมฤทธิ์ขององค์การและมักจะเป็นตัววัดเปรียบเทียบของการบริหารจัดการและความสำเร็จขององค์การ ในยุคปัจจุบันนี้การบริหารงานไม่ใช่เพียงแต่ให้งานเสร็จลุล่วงไปเท่านั้น แต่งานที่ทำต้องเป็นผลงานที่ดีที่สุดมีความคุ้มค่าเหมาะสมกับทรัพยากรที่ใช้ซึ่งก็คือ คนและวัสดุอุปกรณ์ (man and material)
การสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่การบริหารจัดการเป็นบทบาทและหน้าที่ของผู้บริหารซึ่งเป็น ผู้ที่คำนึงถึงการที่จะวางรูปแบบของงานเป็นหลักในขณะที่ภาวะผู้นำเป็นคุณสมบัติที่พึงประสงค์ที่ผู้บริหารควรจะต้องมีความเป็นผู้นำ ต้องวางกลวิธีที่จะให้บุคคลในองค์การเข้าเคลื่อนตัวเข้ามาสู่การปฏิบัติงานตามที่กำหนดไว้ ผู้บริหารที่ดีจะสร้างและวางเงื่อนไขจำเป็นเพื่อที่จะให้เกิดความแน่ใจในผลผลิตรับสูง เพื่อทำให้ได้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำงาน เป็นการปฏิบัติงานเพื่อหน่วยงานของตนและเพื่อองค์การโดยส่วนรวม สิ่งเหล่านี้ต้องการความร่วมมือร่วมใจและพร้อมที่จะเข้าร่วมทำงานเพื่อความสำเร็จ อันเป็นการแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการปฏิบัติงานของบุคคลแต่ละคนรวมกันเป็นผลงานของหน่วยงานและขององค์การ โดยมีตัวชี้วัดสองประการซึ่ง วูด (Wood, 2001) กล่าวไว้ ประการแรก คือ ประสิทธิภาพของการปฏิบัติการ ซึ่งวัดได้จากการให้ความสำคัญของเป้าหมายของงานที่บรรลุถึงได้ และประการที่สองคือ ประสิทธิผลของการปฏิบัติงาน ซึ่งวัดได้จากการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า