จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

‘ณัฐวุฒิ’ปัดหนีม็อบสวนยางบุกทำเนียบฯ บินเจรจาตปท.เชื่อราคาขยับ

วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 12:29 น.
          เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีที่มีเกษตรกรชาวสวนยางพาราจากทั่วประเทศมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้แล้วและได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการรับเรื่องจากกลุ่มเกษตรกร ทั้งนี้ ที่จริงแล้วรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหานี้มาตลอดทั้งการใช้มาตรการทั้งในประเทศและกลไกระหว่างประเทศ โดยตนเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการหารือกับนายบายู กฤษณามูร์ติ รมช.การค้าของอินโดนีเซียมีความเห็นตรงกันว่าตอนนี้เป็นภาวการณ์ที่โลกของยางพาราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคายางพารา และเกิดเช่นนี้เหมือนกันทุกประเทศ นอกจากการที่ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียที่เห็นตรงกันว่าต้องจับมือกันอย่างเข้มแข็ง รวมถึงต้องเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพแล้ว ก็ยังจะมีการหารือกับประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศผลิตยางพาราเป็นอันดับ 4 เพื่อเชิญมาร่วมกลไกความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพของราคายางพาราและกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันในอนาคต
          รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ทั้ง 4 ประเทศนี้ที่เป็นกลุ่มผู้ผลิต จะประสานงานกับรัฐบาลจีนเพื่อพูดคุยกันถึงว่ายุทธศาสตร์ของกลุ่มประเทศผู้ผลิต ปริมาณผลผลิตที่คาดการณ์ในอนาคต และยุทธศาสตร์ของจีนในฐานะผู้บริโภคยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อให้สอดรับและประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมครม.ในวันนี้(4 ก.ย.) ตนจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือกับรัฐมนตรีของมาเลเซียที่รับผิดชอบเรื่องยางพารา ซึ่งจะเป็นการกระชับความร่วมมือและเดินหน้ามาตรการลดการส่งออกยางพารา อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหานี้ต้องใช้เวลา และตนเชื่อว่าเกษตรกรเข้าใจสถานการณ์นี้ แต่การออกมาชุมนุมกันเป็นการทำเพื่อส่งเสียงของความเดือดร้อนและเร่งรัดให้รัฐบาลแก้ปัญหา ซึ่งเราเดินหน้าตลอดเวลาอยู่แล้ว
          เมื่อถามว่าอีกนานแค่ไหนที่การแก้ปัญหาจะได้ผล เพราะเกษตรกรออกมาส่งเสียงความเดือดร้อนนานหลายเดือนแล้ว นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ในภาพรวมยังไม่ปรากฏปัจจัยบวกที่ชัดเจน แต่จากการพูดคุยกับอินโดนีเซียและการประชุมสภามนตรีไตรภาคียางพารา เราคาดหวังว่าภายใต้มาตรการจับมือร่วมกันของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย น่าจะทำให้ราคายางพาราขยับสูงขึ้นและรักษาเสถียรภาพไว้ได้ ซึ่งประเมินกันว่าในสัปดาห์นี้ ถ้าราคาตลอดทั้งสัปดาห์ชี้ไปในทางที่เป็นบวก แสดงว่ามาตรการนี้ส่งผลในตลาดโลกแล้ว แต่ถ้ามาตรการนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ราคายางพาราได้ ก็ต้องกำหนดมาตรการอื่นๆหรือเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น เช่น การเพิ่มปริมาณลดการส่งออกยางพารา เป็นต้น
          ต่อข้อถามว่าจะออกไปพบปะกับเกษตรกรที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางไปมาเลเซียหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ประสานงานดูแลอยู่แล้ว ซึ่งการชุมนุมของเกษตรกรตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับจังหวัดไปถึงระดับส่วนกลาง ซึ่งรัฐบาลพยายามแบ่งเบาปัญหาและลดความเดือดร้อนของเกษตรกร พร้อมกับแก้ปัญหาในระยะยาวด้วย เมื่อถามย้ำว่าการไม่ออกไปพบกลุ่มเกษตรกรด้วยตัวเอง จะถูกมองว่าหนีม็อบหรือหนีปัญหาหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเดินหน้าเข้าหาปัญหาอยู่ตลอด พูดเรื่องนี้ทุกวัน รวมถึงทำมาตรการทั้งในและต่างประเทศ ส่วนการจะกล่าวหาว่าตนหนีม็อบนั้น ตนเกรงว่าจะเป็นข้อกล่าวหาของบางคนมากกว่า ทั้งนี้ตนคิดว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ และสิ่งที่รัฐบาลทำนั้นได้ปรากฏชัดเจนเป็นรูปธรรม และต้องติดตามดูผลกันต่อไป



ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qY3pOVEF5Tnc9PQ==&subcatid=


ไม่มีความคิดเห็น: