จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คลัง" เตรียมดัน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเข้าสภา

           "คลัง" พร้อมผลักดัน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเข้าที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมนี้ เพราะเป็นโครงการเร่งด่วน หากไม่ดำเนินการประเทศจะเสียหายทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่เพียงพอรองรับการเติบโต

         นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดเพื่อจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าจะเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาให้ทันภายในสมัยประชุมนี้ เพราะถือว่าเป็นโครงการเร่งด่วน หากไม่ดำเนินการประเทศจะเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอรองรับการเติบโต

       สำหรับโครงการที่จะลงทุน มีทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมมีการดำเนินการศึกษามามากแล้ว แต่ไม่ได้ดำเนินการเพราะไม่มีเงินเพียงพอต่อเนื่อง

        นอกจากนี้ยังต้องลงทุนโครงการด้านน้ำ ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างการว่าจ้างผู้มาออกแบบโครงการทั้งหมด ซึ่งนายกิตติรัตน์จะนำโครงการด้านน้ำดังกล่าวมาใส่ไว้ในการทำ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทในครั้งนี้ด้วย

       รมช.คลังกล่าวว่า ประเทศไทยต้องมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเปิดเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ที่นักลงทุนและผู้ประกอบการที่เข้ามาผลิต หรือขายสินค้าในไทยไม่ได้ผลิตหรือทำเพื่อขายคน 60 ล้านคนในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะขายให้คน 600 ล้านคนของประเทศในเออีซีทั้งหมด ดังนั้นหากโครงสร้างพื้นฐานของไทยไม่พร้อมจะทำให้เสียโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมาก

        “การออก พ.ร.บ.กู้เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท เป็นเรื่องที่รัฐบาลเร่งดำเนินการอยู่ ล้มไม่ได้ เพราะหากล้มประเทศไทยก็จะไม่มีใครมาลงทุน เพราะไปลงทุนประเทศอื่นดีกว่า” นายทนุศักดิ์กล่าว

        ก่อนหน้านี้ นายกิตติรัตน์ออกมายืนยันว่าต้องการให้ทุกภาคส่วนแสดงความเห็นการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อรัฐบาลจะได้นำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงในการออก พ.ร.บ. เงินกู้ โดยนายกิตติรัตน์ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น และชี้แจงเหตุผลที่ไม่ใช้เงินจากงบประมาณว่า เพราะมีข้อจำกัดต้องทำงบประมาณให้เข้าสู่สมดุลเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน


ที่มา:http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9550000095342

ไม่มีความคิดเห็น: